“นายกนักประดิษฐ์” เตือน AI กำลังจะพัฒนาให้มีความสามารถ “เกินกว่ามนุษย์” วอนหาวิธีการควบคุมก่อนจะเกิด “นักฆ่าแห่ง AI” ทำลายชีวิตมนุษย์เป็นจำนวนมาก
นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงประเด็นการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตมนุษย์ว่า ปัญญาประดิษฐ์ คือการสร้างความฉลาดให้กับสิ่งไม่มีชีวิต เพื่อให้สามารถคิด ทำงาน และเรียนรู้ได้เอง โดยมีจุดประสงค์หลักก็ทำเพื่อให้มันสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ ซึ่งมีการแบ่งหรือจำแนก AI ออกมาเป็น 3 แบบ คือ Weak AI ซึ่งเป็น AI ที่มีระดับระดับสติปัญญาที่มีความสามารถในการทำงานได้ในเรื่องแคบๆ อยู่ในวงจำกัด เรื่องใดเรื่องหนึ่ง Strong AI ซึ่งมีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ โดยจะมีความสามารถในการเรียนรู้ วางแผน การแก้ปัญหา รู้จักคิดในเชิงนามธรรม มีความคิดที่สลับซับซ้อน และระดับ ซุปเปอร์ปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจะฉลาดและมีปัญญามากกว่าสมองมนุษย์ที่ดีที่สุดในทุกๆ ด้าน รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์ในทางวิทยาศาสตร์ เรื่องทั่วๆ ไปแม้กระทั่งความสามารถในการเข้าสังคม
ซึ่ง AI 2 แบบหลังนี้ ตนเห็นว่าจะสร้างปัญหาให้กับมนุษย์โดยส่วนรวม เนื่องจากขณะนี้ระบบปัญญาประดิษฐ์เริ่มพัฒนาไปไกลถึงขนาดที่ว่า มีการประดิษฐ์หุ่นยนต์ AI และพูดคุยกับระบบปัญญาประดิษฐ์ด้วยกันเอง เข้าใจกันเอง โดยที่ใช้ภาษาที่ประดิษฐ์ขึ้นมากันเอง เพราะจากเดิมที่มนุษย์เป็นคนสอน AI ตอนนี้ AI ก็สอนก็เรียนรู้กันเองได้ และในอนาคต AI อาจจะเก่งถึงขั้นมีจินตนาการและมีความรู้สึกนึกคิดได้เหมือนมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กระทบกับคนไทยไร้ฝีมือแรงงาน มีความสามารถน้อยกว่า AI จะต้องตกงานอีกมากในอนาคตอันใกล้นี้
“ต้องยอมรับว่าระบบ AI สร้างประโยชน์ให้กับมวลมนุษย์ไม่น้อย หลายอุตสาหกรรมใหญ่ในโลกต้องพึ่งพาระบบ AI ทั้งนี้ สตีเฟน ฮอว์กกิ้ง นักวิทยาศาสตร์ของโลก เคยคาดการณ์ไว้ว่าวันหนึ่งในอนาคต หรือ AI จะเข้ามามีบทบาทกับคนทั้งโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันคือสิ่งประดิษฐ์ที่สุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ แต่เมื่อถึงยุคนึงมนุษยชาติอาจจะถึงจุดจบ เหตุผลเพราะเมื่อ AI เหล่านี้ถูกพัฒนาไปจนถึงขีดสุด มันจะไม่ต้องพึ่งพามนุษย์อีกต่อไป ซึ่งจะถือเป็นอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่าผลกระทบจากอาวุธนิวเคลียร์ ดังเช่น อีลอน มัสก์ นักประดิษฐ์นวัตกรรมชื่อก้องโลกได้กล่าวเอาไว้” นายภณวัชร์นันท์ กล่าว
นายภณวัชร์นันท์ กล่าวด้วยว่า หากปล่อยให้มันพัฒนาภาษาของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนมนุษย์ไม่อาจเข้าใจได้ อาจนำไปสู่จุดที่มันจะขัดคำสั่งมนุษย์ได้ในที่สุด และเกิดการทำร้ายมนุษย์ เพราะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ในการทำงาน ไม่ได้มีการใส่จิตใจลงไปในนั้น สิ่งเหล่านี้มีหลายชาติยังมีการพัฒนาต่อเนื่อง และประเทศของเราผู้บริหารระดับสูงยังไม่ศึกษาแต่กลับกลัวว่าตนเองไม่ทันสมัย เพราะฉะนั้นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด แม้แต่มนุษย์ด้วยกันยังควบคุมกันเองไม่ได้ แล้วมนุษย์จะควบคุมหุ่นยนต์อัจฉริยะได้อย่างไร
“เหรียญมี 2 ด้าน ปัญญาประดิษฐ์ก็เหมือนกัน ซึ่งอาจพัฒนาความรู้แบบก้าวกระโดดสามารถสร้างคุณประโยชน์มหาศาลให้แก่มวลมนุษยชาติ หรืออาจเป็นภัยที่คุกคามสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ เพราะฉะนั้นมนุษย์เราน่าจะเรียนรู้ ปรับตัว มีการระดมความคิดจากภาคส่วนต่างๆ ทั่วโลก เพื่อควบคุม วางแผน และออกแบบให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันกับ AI ได้อย่างสมดุลและสร้างสรรค์ แล้วนำความรู้ต่างๆ ที่เกิดจากพัฒนาการความารถของ AI กลับมาสร้างคุณประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์เอง ดังนั้นผมอยากให้มอง AI เป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่มาพร้อมกับอันตราย เนื่องจากวันนี้ AI คือหุ่นยนต์ยังไม่มีความอยากเป็นของตัวเอง แค่ปฏิบัติตามคำสั่งของมนุษย์ แต่ถ้าวันหนึ่งมนุษย์สามารถพัฒนาหุ่นยนต์ให้สามารถมีอารมณ์และความอยากทำลายล้างมนุษย์ มันก็อาจจะเป็นภัยร้ายของเราก็ได้ สำหรับประเทศไทย ควรมีกฎหมายห้ามพัฒนาหุ่นยนต์เพชฌฆาต และการพัฒนาควรมีกฎหมายควบคุมไม่ใช่ปล่อยอิสระ เพราะหากการพัฒนาและเกิดความผิดพลาด นักฆ่าแห่ง AI จะปรากฏตัวขึ้นพร้อมความตายที่มีจำนวนมาก” นายภณวัชร์นันท์ กล่าว.
ขอบคุณข่าวจาก https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1576361